รวมสื่อ ใบงาน หนังสือเล่มเล็ก สมุดทำมือสวยๆ ง่ายๆ ศิลปะและงานประดิษฐ์ สร้างรายได้ และเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด
หน้าเว็บ
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2563
มัดรวมเกล็ดน้อยไป (ภาษาไทย ม.4)
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ธรรมชาติและลักษณะของภาษา
คลิกที่ปกหนังสือเพื่ออ่าน
ธรรมชาติของภาษา ม.4 โดยพี่กวาง
เล็กน้อยก็หมั่นเพิ่มเติมนะคะ อย่าลืมอ่านตำราหลายๆเล่ม ค้นคว้าจากหลายๆที่ และที่สำคัญการที่เราอ่านค้นคว้าที่รวบรวมมาจากหลายที่แล้ว
การเขียนสรุปตามความเข้าใจของเราเองเพื่อทบทวนเอง ..ดีที่สุด..ลองดูนะคะ😚
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563
การดำรงชีวิตของพืช ม.4
วันนี้วิทย์ชีวภาพ ม.4 นะคะ อาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย อย่าได้สนใจว่าเนื้ออะไรจะเทอมไหน สอบไปแล้วหรือไม่นะคะ
การเรียนไม่ใช่ว่าเรียนแล้วทิ้งไป ถ้าอยากแม่นเนื้อหาสามารถทำคะแนนได้ดีขึ้นอีก ก็อยู่ที่การทบทวนซ้ำๆบ่อยๆ และเนื้อหาทุกบทก็เชื่อมโยงไปยังความรู้บทอื่นที่ลึกขึ้นไปอีก
ถ้าฐานความรู้แน่น อ่านอะไรไปก็เข้าใจง่ายจำได้เร็ว ได้มากนะคะ
หมั่นจดสรุปนะคะ การจดสรุปนอกจากจะช่วยให้เราจำได้แล้ว ยังเป็นการฝึกทักษะงานเขียนด้วยจ้า
เป็นกำลังใจให้นะคะ
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2563
เซลล์และการทำงานของเซลล์
สวัสดีค่ะ วันนี้ลงสรุปเนื้อหาวิชา ชีววิทยา ม.4 มาลงไว้เผื่อจะเป็นประโยชน์เช่นเคยนะคะ
เท่าที่พอมีเวลา หรือมีสรุปเนื้อหาดีๆจะหมั่นมาลงไว้นะคะ
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2563
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (สมชว.พี่กวางย่อเอง😁)
วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
วิธีเซฟไฟล์เวิร์ดเป็น pdf
วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
สรุปบทเรียน (อะตอมและตารางธาตุ ม.4)
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
Diary DIY สื่อหนังสือเล่มเล็ก ศิลปะและงานประดิษฐ์: อยากเขียนหนังสือสักเล่ม จะเริ่มต้นยังไงดีนะ
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
วิธีร้อยตะขอสร้อย (ตะขอกระดุม)
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563
ร้อยกรอบวัตถุมงคลด้วยคริสตัล 2 (ต่อห่วงจี้ใส่จ้อย)
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563
ร้อยกรอบวัตถุมงคลด้วยคริสตัล 1
มาแล้วจ้า ร้ยกรอบวัตถุมงคลตอนที่ 1
ร้อยด้วคริสตัลจ้า คริสตัลก็เป็นลูกปัดแก้วชนิดเจียเหลี่ยม มีความใสแจ๋วแวววาว
เล่นเเสงเล่นไฟ วิบวับๆ เหมาะกับการทำเครื่องประดับ
อาจจะมีคลิปงานประดิษฐ์ งานศิลปะ มาแทรกเป็นระยะนะคะ
บล็อกนี้เป็นบล็อกศิลปะสร้างสรรค์ งานเขียนก็เป็นศิลปะ เรื่องอยากทำมันเยอะแยะ รื้อๆ ดู อาจจะเห็นสิ่งที่เราค้นหาอยู่ในนี้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
😘
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563
ร้อยกรอบสาริกา ตอน 1
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563
กรอบลูกปัดบ่วงนาคบาศ ตอน 2
มาทำต่อกันให้เสร็จกันนะคะ
ตรงไหนไม่ทันกด stop ดูอีกรอบนะคะใจเย็นๆเด้อ งานศิลปะต้องใจเย็นๆ
นาคบาศ ใครมีครอบครองจงร่ำๆรวยๆจ้า
ใครทำด้วยใจก็ยิ่งร่ำรวยมั่งคั่ง มหาศาลนะคะ
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2563
กรอบลูกปัดบ่วงนาคบาศ ตอน 1
วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563
หนังสือเล่มเล็กอย่างง่าย (ปกมุงหลังคา)
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563
ไอคอนน่ารัก
วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2563
อุปกรณ์ทำเล่ม (ศิลปะงานมือ)
วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563
เขียนสร้างรายได้ได้จริงหรือ
เขียนสร้างรายได้ได้จริงหรือ
บางคนอาจจะกังวลว่า งานเขียนทุกวันนี้ยังจะมีคนอ่านเหรอ คนไม่ค่อยชอบอ่าน เขาหันไปดูคลิปวิดีโอกันหมดแล้ว
ไม่จริงค่ะ คนอ่านไม่ได้ลดน้อยลง แถมอาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ ในยุคที่คนใช้ออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของออนไลน์ การเรียนออนไลน์ การประชุมต่าง ๆ การส่งข้อมูลข้อความหรือตัวอักษรนั้น ยังคงได้รับความนิยมอยู่ และจะยังคงมีแนวโน้มอยู่กันอีกนาน
ยิ่งโดยเฉพาะยุคนี้นะคะ การอ่านยิ่งทวีมากขึ้น เราอาจจะมองการการเป็นเรื่องของกลุ่มคนรักงานเขียนเล็ก ๆ แต่จริงแล้ว คนทั่วไป ก็สนใจการอ่านไม่น้อย ยิ่งข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการ ความสนใจ เช่น การซื้อของออนไลน์ นอกจากดูคลิปแล้ว การเขียนข้อมูลสินค้าให้ลูกค้าได้อ่าน ได้ค้นดูคุณสมบัติของสินค้าได้ ก็ยิ่งทำให้สินค้านั้นมีความน่าเชื่อถือ บางคนก็อาจจะยังไม่มีเวลาการการพิจารณาดูในขณะนั้น ก็อาจกลับมาอ่านดูข้อมูลในตอนหลังได้
นวนิยายที่เราอ่านกัน ก็เป็นสิ่งที่คนยังนิยมอ่าน และหลงใหลได้ปลื้มกับเนื้อหาและตัวละครอยู่ เพราะเมื่อเราอ่านฉากและตัวละครในจินตนาการขณะอ่านมันบรรเจิดยิ่งกว่าการสร้างเป็นละคร เราจะสร้างจินตนาการของเรา ให้ดีพิสดารเพียงไหนก็ย่อมได้
บทความการท่องเที่ยว อาหาร การเลี้ยงลูก สัพเพเหระ ก็ล้วนแล้วแต่ยังคงเป็นที่ต้องการนะคะ เพียงแต่รูปแบบงานเขียนต่าง ๆ มีการพัฒนาออกไป ไม่ได้อยู่แค่เพียงแค่นิตยสาร หรือหนังสือเล่มเพียงเท่านั้น แต่ยังอยู่ในทั้่วทุกพื้นที่ของแพลตฟอร์มตามอินเตอร์เน็ต
ยังมีคนอีกมากต้องการข้อมูลเพื่อตอบคำถามตัวเอง ถ้าข้อมูลหรือบทความ หรือสิ่งที่เราเขียนตอบโจทย์คนเหล่านั้นเขาก็จะยิ่งไขว่คว้าตามหาผลงานของเราค่ะ
เขียนไปแล้วจะขายได้เหรอ
ขายได้ค่ะ ทุกวันนี้คนเราใช้อินเตอร์เน็ตนะคะ อย่าลืมว่า การเผยแพร่ข่าวสารโฆษณามันจะไปเร็วมาก การใช้โซเชียลต่าง ๆ ที่เราใช้ๆกันอยู่ช่วยเราขายได้มากที่เดียวค่ะ
รายได้จากการเขียนได้มายังไงบ้าง
รายได้จากการเขียนมีหลายทางค่ะ เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ก็ทำดังนี้ค่ะ
ส่งสำนักพิมพ์ให้พิจารณา ถ้าผ่านหลักเกณฑ์ก็ได้ตีพิมพ์
ทำอีบุ๊ค ( E-Book) ง่ายขึ้นมาอีก ลงขายได้หลายเว็บเลยนะคะ ผ่านการพิจารณาได้เร็ว ขายได้ทั้งฝากขายที่เว็บขายหนังสือ หรือขายเอง
ขายบทความ หรือรับเขียนบทความตามความต้องการของลูกค้า มีบางเพจ บางเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งองค์กรต่าง ๆ รับผลงานเขียนนะคะ บางที่เขาอาจจะไม่มีคนที่สามารถเขียนได้ ก็ต้องอาศัยนักเขียนนั่นแหละค่ะ บางครั้งบางที่เขาก็ต้องการบทความที่ธรรมดาไม่หรูมากเพื่อเผยแพร่งานหรือข่าวสาร หรือสร้างแบรนด์ อาจไม่ต้องใช้นักเขียนที่ดัง ๆ แล้วต้องจ่ายแพง ๆ นักเขียนอิสระโนเนม นักเรียนนักศึกษาก็ทำได้
โกสท์ไรท์เตอร์ (Ghost Writer) หรือผู้เรียบเรียง รับจ้างเขียนหนังสือให้กับคนที่ไม่มีเวลา แต่ต้องการทำหนังสือเพื่องานหรือกิจกรรมบางอย่าง หรือแม้กระทั้่งขายเอง โดยผู้ว่าจ้างจะมีเค้าโครงเรื่องที่ต้องการมาให้เรา แล้วเราบรรดานักเขียนผู้มีความชำนาญกว่า ก็เป็นผู้เรียบเรียงให้ภาษาดูดีมีราคาขึ้น
ทำหนังสือทำมือ ทำเอง ขายได้ทั้งอีบุ๊ค ปริ๊นซ์ทำเล่มเอง หรือพิมพ์ในจำนวนน้อยๆในบางโรงพิมพ์ก็รับทำนะคะ และบล็อกนี้เน้นให้ข้อมูลด้านนี้ค่ะ ทำเองอ่านเอง 😁
เขียนบล็อค เพื่อเป็นผู้เผยแพร่โฆษณา มีรายได้จากคนเข้ามาอ่านบล็อกของเรา แล้วสนใจโฆษณาในเว็บบล็อก เราก็จะมีรายได้ ถ้าเราทำบล็อกดี มีเนื้อหาน่าสนใจ คนก็เข้าเยอะ เมื่อคนเข้าเยอะก็มีโอกาสคลิกโฆษณาเยอะ เหมือนแอ๊ดมินใจดีทำอยู่นี่แแหละจ้า
แต่อย่าคิดปั่นโฆษณาเองนะจ๊ะ เขาจับได้แน่นอน บล็อกเราจะปลิวเชียวหนา ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นานนะคะ อดทนนะ อดทน ทำให้ดี ใครๆ เขาก็อยากได้สิ่งดีๆ เราทำดี อะไรที่ว่าดีมาหาเราเองจ้า
และยังมีอีกหลายช่องทางเลยนะคะ..หมั่นมาติดตาม กดไลค์กดแชร์ให้กำลังใจก็เป็นสุข และมีกำลังใจทำสิ่งที่รักต่อไปได้อีกนานๆ ค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ชีทสรุปการศึกษาชีววิทยาและวิธีการทางวิทยาศาสตร์
อะไรที่เกี่ยวกับงานเขียนงานอ่านงานสรุป ถ้ามีประโยชน์ต้องจัดมาลงทุกอย่างแน่นอนค่า ทุกระดับความรู้และการเรียนรู้เลย
การทำเล่มหนังสือแฮนด์เมด อีบุ๊คต่างๆ ไม่มีลืมไม่เลิกสรรหามาฝากคนที่ชอบเหมือนกันแน่นอนค่ะ เพียงแต่บางทีต้องเตรียมวัตถุดิบ เทคนิค วิธีการ และเรียบเรียงอยู่ ขอเวลานิดนะคะ
ตั้งใจว่าจะหาเรื่องราวดีๆ มาโพสฝากกันทุกวันระหว่างที่รองานเรียบเรียงนะคะ อยากเขียนเรียบเรียงดีๆค่ะ ผู้อ่านจะได้มีข้อมูลไว้ค้นตลอดเวลา ถือว่าที่นี่เป็นโลกของข้อมูลการทำหนังสือ และสื่อเพื่อการเรียนการศึกษา เพื่อเป็นวิทยาทานส่วนหนึ่งแบ่งปันกันและกันนะคะ
ชีทสรุปวิชาชีววิทยา ม.4 ที่น้องกวางสรุปเพื่ออ่านสอบ โควิดการศึกษาก็จะช้าๆไปหน่อย
ก็อะลุ่มอล่วยกันไปจ้า
หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ ส่งต่อให้ลูกๆ หรือเพื่อนส่งให้กันเลยค่า
วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563
เริ่มเขียนเมื่อไหร่ดี..ตอนนี้บอกเลย
เรียนมาก็มากแล้วยังเขียนไม่ได้เลย ทำไงดีๆ เขียนที่ไหน ใช้อะไรดีสร้างงานเขียน
คำตอบคือ เริ่มทันที! กับสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้
อย่ามองหาสิ่งอื่นใดให้สิ้นเปลืองค่ะ ตอนนี้ถ้าคุณมีกระดาษปากกา นึกอะไรได้จดค่ะ
ถ้ามีเวลาเขียนต่อ ทำตามคำแนะนำที่ผ่านมาเลยค่ะ เขียนด้วยลายมือใส่สมุด อ่านๆ แก้ ๆ
หากได้ที่แล้ว ถ้าเรื่องมันยาว เยอะพอทำเล่มได้ จ้างร้านพิมพ์ค่ะ เอาไฟล์ไว้โพสในที่ที่เราต้องการ
หรือเอามาแปลงไฟล์เพื่อทำอีบุ๊คได้เลยค่ะ ถ้าไม่มากเราก็ค่อยไปจัดพิมพ์เอง
โพสเองในโซเชียลที่เราถนัด
ถ้ามีมือถือบันทึกโน้ตได้เลยค่ะ แล้วค่อย ๆ คิดทำตามขั้นตอนที่แนะนำไว้ จิ้มเลยค่ะ พิมพ์เลยค่ะ
ถ้าอ่านทบทวนแล้วโอเคก็ลองโพสลงเฟชบุ๊คดูค่ะ อย่ากลัวคนไม่อ่านและมาตำหนิเรา
เพราะผู้เขียนก็เคยเขียนแล้วมีคนมาเม้นท์ว่าอ่านไม่รู้เรื่องเหมือนกันค่ะ
ฮ่า ๆ แคร์ไย
ถ้าพอไหวลงโน้ตบุ๊คที่เราใช้งานธรรมดา ๆ ที่ผู้เขียนใช้ก็ธรรมดามากค่ะ
ถ้าเราทำงานเขียนออนไลน์ด้วย แบบเขียนในบล็อกสำเร็จรูปนี่ง่ายค่ะ
เขามีแพลตฟอร์มมีฟังก์ชั่นให้เราเยอะแยะมาก เว็บฟรีมากมายและก่ายกอง ค่อย ๆ เรียนรู้ทำไปค่ะ
มือถือเก่าๆ ง่าย ๆ ค่ะ ไม่ต้องไอพ่นก็ทำหนังสือได้ เมื่อเราพร้อมเราค่อยจัดหาใหม่ๆ
ให้รางวัลตัวเอง ได้ใช้เครื่องมือดีๆ สร้างสรรค์งานดี ๆ นะคะ อย่าคิดถึงอะไรตอนนี้
ก็อยากเขียน อยากมีผลงานไว้ภูมิใจ ก็รั้นจะเขียนซะอย่าง
ไม่รอจังหวะอะไรทั้งนั้นค่ะ ว่างแล้ว ลุย!
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ขั้นตอนการเขียนแบบง่าย
มีหลายคนกังวลและไม่มั่นใจที่จะเขียน กลัวว่าเขียนไปจะไม่มีคนอ่าน กลัวว่าถึงมีคนอ่านงานเราแล้ว คนอ่านจะงง เพราะไม่มั่นใจในการเรียบเรียงคำ หรือเนื้อหา บางคนที่คิดว่าตัวเองเขียนแล้วอ่านเองยังวกไปวนมา นั่นเพราะว่าเราเขียนแบบไม่มีเป้าหมาย นึกอยากจะเขียนก็เขียน อยากเขียนทุกเรื่อง ใจร้อนอยากเขียนเยอะๆ จนประเด็นมันแตกกระจายยิบย่อย คนอ่านก็งงว่าเขียนเรื่องอะไรกันแน่ เอาอย่างนี้นะคะ
เรื่องที่เขียนควรเป็นอย่างไร
เมื่อได้เรื่องที่จะเขียนแล้ว ให้มามองดูงานที่เรากำลังตั้งใจจะเขียนว่า..
1. เป็นงานที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อคนอ่าน เช่น เมื่ออ่านจบแล้วมีความสุขใจ ได้หัวเราะ ได้แนวคิดในการดำเนินชีวิต หรือแม้กระทั่งอาชีพ อย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ ค่อยๆใส่สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ให้แก่คนอ่าน ทีละอย่างสองอย่าง ไม่ต้องรีบอัดแน่นนะคะ
2. ตอบโจทย์การแก้ปัญหาให้คนอ่านได้ มีแนวทางในการแก้ปัญหา มีวิธีให้คนอ่านเลือกตัดสินใจ เลือกวิธีแก้ปัญหาได้จริง ซึ่งอาจจะได้มากน้อยนั้นไม่ต้องกังวล บางคนเมื่อเขาอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าได้วิธีมาก บางคนอาจจะบอกว่าได้น้อย เราก็ไม่ต้องกังวลค่ะ ขอให้มอบสิ่งดีดีให้เขาให้เต็มที่ของเราก็พอ
ขั้นตอนการเขียนแบบง่าย
ส่วนใหญ่หลายคนที่เริ่มเขียนหนังสือใหม่ ๆ รวมทั้งนิยาย นวนิยาย เรื่องสั้น บทความที่ให้ประโยชน์ ความรู้ หรือบันเทิงคดี แม้แต่บทกลอนนะคะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง เดินเรื่องไปทิศทางไหน จะจบยังไง เอาเทคนิคขั้นตอนการเขียนแบบคิดย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นลองดูนะคะ
1. สร้างภาพตอนจบ หรือบทสรุปตอนจบของเรื่อง
นั่นก็คือ ให้เราลองสร้างบทสรุป หรือตอนจบของเรื่องค่ะ ว่าต้องการให้เรื่องที่เรากำลังจะเขียนจบอย่างไร เช่น จะให้มีภาพเยอะๆ มีคำคมเยอะๆ ไหม สรุปว่าอย่างไร มีสาระอะไรที่คนอ่านจะได้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
2. วางโครงสร้างเรื่องราว วางโครงสร้างเรื่องที่เขียนไว้เป็นภาพรวมๆเอาไว้ว่า ในเล่มเราจะให้มีเนื้อหาอะไรบ้าง เช่น
- การจัดหมวดหมู่ สารบัญเรื่อง อะไรมาก่อนมาหลัง
- ใส่เนื้อหา เขียนไปตามลำดับที่เรียงไว้ ถ้าเป็นประเภทนิทาน นิยาย ก็เหมือนกันค่ะ วางโครงเรื่อง และลำดับเหตุการณ์หลัก ๆ เอาไว้ อาจจะใส่เหตุการย่อย ๆ ไว้ก็ได้ เมื่อเริ่มเขียนเรื่องมีอะไรเพิ่มเติมที่คิดว่าน่าสนใจ อยากเติมเต็มก็ใส่เข้าไปได้เรื่อย ๆ ตามจังหวะ
- อ่านทบทวน ควรอ่านทบทวนแบบเน้น ๆ ด้วยนะคะ แนวคิดเราเองอาจเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และขั้นตอนนี้เรายังสามารถเติมแนวคิดได้เสมอ สามารถลบหรือเปลี่ยนจนกว่าจะลงตัวที่สุดได้
เพียงอย่าใจร้อนว่าเรื่องราวหนึ่ง ๆ หนังสือเล่มหนึ่ง ๆ จะต้องเสร็จในวันสองวัน นวนิยายบางเรื่องหลายปีนะคะ ใจเย็นและค่อยๆ เรียงลำดับการทำการเขียนนะคะ
เรื่องราวที่แบ่งปันมานี้ ถ้าคุณๆ ที่เข้ามาอ่านเจอก็สามารถศึกษากันได้แบบฟรีๆ ผู้เขียนมั่นใจได้ว่าเมื่อลองลงมือทำตามขั้นตอนนี้ คุณๆ จะเขียนได้แน่นอนค่ะ แต่ถ้ายังอยากเก็บเกี่ยวเทคนิคเพิ่มเติม ผู้เขียนได้เขียนลงรายละเอียดเพิ่มไว้เป็นหนังสืออิเลคทรอนิกส์ (E-Book) ไว้ ในราคาจับต้องได้ในเร็วนี้นะคะ
คราวหน้าจะพาไปทำหนังสือส่วนตัวเล่มเดียวในโลก แบบเบาๆ เอาไว้ทำเอง พาลูกทำ พาลูกศิษย์ทำ ปักหมุดรอเลยจ้า!
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ กดไลค์ กดแชร์ คือกำลังใจ อุดหนุนกันไปคือพลังงงาน
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563
วิธีการพิมพ์ด้วยเสียง
หยุดความเมื่อยล้าของมือจากการจิ้มๆ
พิมพ์ๆ มาพิมพ์ด้วยเสียงกันเถอะ
หลายคนพิมพ์บทความหรืออะไรที่เกี่ยวกับการพิมพ์ไปสักพัก
ก็เกิดอาการนิ้วล็อค
หรือบางคนพิมพ์ช้ามากไม่ทันใจ พิมพ์ก็ช้า
แล้วยังเสียเวลาหาตัวอักษรอีก
ทั้งงานก็เร่ง ๆ มาพิมพ์ด้วยเสียงอาจช่วยได้บ้างนะคะ มาลองดูค่ะ
ต้องขอบอกว่าคุณลักษณะนี้มีให้ใช้งานเราสามารถพิมพ์และแก้ไขโดยการพูดใน
Google Docs
ในเบราว์เซอร์ Chrome เท่านั้นนะคะ
วิธีพิมพ์ด้วยเสียง
ขั้นตอนที่ 1: ตั้งค่าเปิดไมโครโฟน
คอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊คบางรุ่น
อาจต้องงตั้งค่าก่อน ส่วนใหญ่ในโน้ตบุครุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ก็มีไมค์ในตัวหมดแล้วนะคะ
ใช้ไมค์อัดเสียงที่เราเอาไว้ไลฟ์สดก็ได้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 2: ใช้การพิมพ์ด้วยเสียง
ไปที่ docs.google.com
ทำการ
login เข้าสู่ระบบ เปิดเอกสารใหม่
เลือกที่เมนู เครื่องมือ เลือก พิมพ์ด้วยเสียง จะปรากฎไอคอนไมค์สีดำ แล้วคลิกที่ตัวไมค์ 1 ครั้ง ไมค์จะเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วก็บันทึกเสียงพูดเลยค่ะ เสียงจะถูกแปลงเป็นตัวอักษรให้เราค่ะ
ดูตัวอย่างตามคริปนี้เลยนะคะ
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563
"ปมในใจฉันใหญ่เกินจะเขียนมัน"
หลายคนที่อยากจะเขียน แต่ก็ลงมือไม่ได้สักที หลายคนมีทั้งพรสวรรค์ และความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่สะกัดกั้นเราเอาไว้ไม่ให้เราได้ทำสิ่งที่อยากทำสักที มันคอยสะกดเราอยู่ นั่นก็คือ "ความกลัว"
"ความกลัว" ฟังดูเป็นปมใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว ความกลัวถูกสร้างขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของกลใจในจิตใจมนุษย์ เพื่อเป็นสิ่งปกป้องเรา ให้เรารู้ระวังตัวไม่ประมาทเกินไปเท่านั้น
และเป็นเรื่องปกติ ที่ความกลัวเป็นตัวทำให้เราขาดความมั่นใจ ไม่แน่ใจ กังวล ความกลัวลักษณะนี้มีอยู่เป็นปกติ ขจัดได้โดยการวิ่งชน หรือแกล้งเป็นลืมมัน มองไม่เห็นมันซะ เสมือนมันไม่มีตัวตน
ถ้าคุณเคยมองผ่านใครสักคนด้วยเหม็นขี้หน้า ไม่อยากเสวนา และไม่เคยทักทายเขาเลยในทุกเช้า ที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือที่ทำงาน ทั้งที่เรารู้ว่า เขาคนนั้น คนที่เราเกลียดขี้หน้าอยู่ใกล้แค่ไหน
เราก็แค่ปฏิบัติกับ "ความกลัว" ของเราแบบนั้น
และนี่คือเหตุผลของความกลัว
"ฉันไม่มีความรู้เรื่องที่จะเขียน"
ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีความชำนาญ หรือมีความรู้ไม่ลึกมาก แต่เราสามารถค้นคว้าได้ แหล่งเรียนรู้มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะทุกวันนี้ห้องสมุดดี ๆ ที่มีหนังสือหลากหลายครบครัน อยู่บนจอสี่เหลี่ยมที่บ้าน ที่เราสามารถพกพาไปได้ทุกที่ แน่นอน "โลกอินเตอร์เน็ต" เราค้นหาความรู้ในนั้น และคนอ่านของเราก็อยู่ในนั้นด้้วยนะ
"ฉันไม่มีเวลา"
งานเขียนนั้นเป็นงานที่ลงทุนด้านทุนทรัพย์ต่ำ แต่ให้คุณค่าสูง งานเขียนของคุณอาจจะช่วยใครบางคนได้ ช่วยคนมากมายได้ และสร้างรายได้ให้ตัวคุณเอง งานเขียนอย่าให้เวลามากำหนดเรา ให้เราเป็นฝ่ายกำหนดมัน
งานเขียนสามารถเขียนได้ทุกที่ และเมื่อคุณเขียนไม่เสร็จ คุณสามารถหยุดและรอเวลาที่พร้อมจะสานต่อเมื่อไหร่ก็ได้ เขียนครั้งละสิบเรื่องพร้อมกันก็ได้ หนังสือเล่มหนึ่ง ๆ ไม่ได้เสร็จในวันเดียวอย่างที่เราไปซื้อมาหรอกนะคะ มันใช้เวลา ดังนั้นเขียนสะสมได้เรื่อย ๆค่ะ ลงมือเลย!
"ความรู้ไม่มากพอ ฉันเรียนไม่สูง จะเขียนให้ใครเขาเชื่อ"
ไม่มีคนทั้งหมดที่ไหนจะมาเชื่อเราทุกคน เราไม่ได้เขียนให้คนทั้งหมดบนโลกนี้อ่าน เราเขียนให้คนที่อยากรู้ ให้คนที่เขารู้น้อยกว่าเราอ่าน อย่ากังวลว่าใครจะมาตำหนิงานของเราว่าไม่ดี ไม่เก่ง เขียนเหมือนเด็กประถม ถึงเราจะเขียนเหมือนเด็กประถม นั้นเพราะเราเขียนใให้อนุบาลอ่านได้
อย่าให้ความกลัว ความกังวลใจในคนอื่นจะมีผลต่อเรา แกล้งลืมคำพูดเหล่านั้นซะ อย่าให้คำพูดใครมาสะกัดกั้นความคิดเรา โดยเฉพาะคำพูดจากความคิดของเราเอง..
"ฉันไม่มีความรู้เรื่องที่จะเขียน" - เราค้นคว้าเพิ่มเติมได้
"ฉันไม่มีเวลา" - เขียนสะสมได้ นึกออกค่อยมาเขียนต่อ
"ความรู้ไม่มากพอ ฉันเรียนไม่สูง จะเขียนให้ใครเขาเชื่อ" - เราเขียนให้คนอ่อนกว่าเราอ่าน
ตัดปมความกลัวเหล่านี้ออกไแล้วลงมือเขียน..ลองดูจ้า
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563
เขียนอะไรดี! เริ่มตรงนี้จ้า!
ชิมน้ำไปแล้ว ไม่อร่อยก็ปรุงเพิ่มนะคะ มาค่ะ มาทานเนื้อกัน
เราจะเริ่มเขียนหนังสือได้อย่างไรเริ่มยังไงดี
การที่เราจะเริ่มต้นเขียนหนังสือ
ต้องมีเรื่องราว เนื้อหาที่อยากถ่ายทอดก่อนจ้าหรือเรื่องที่เรารู้ เราสนใจอยากจะเล่าให้คนอ่านฟังการเขียนในช่วงแรกๆนั้นเราควรเขียนเรื่องที่เรารู้ดีและถนัดที่สุดค่ะ
หรือเรื่องที่เราอยากเขียน
ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเราเอง ความชอบส่วนตัว สิ่งทึ่ชอบทำ เป็นต้น
คนชอบเที่ยวเขียนเรื่องเที่ยว บรรยายสถานที่ท่องเที่ยว แนะนำการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร ค่าใช้จ่าย
คนชอบทานเขียนรีวิวร้านอาหาร ราคา รสชาติ ความประทับใจ
ถ้าหากเราเป็นนักลงทุน หรือคนที่หารายได้เสริม ก็อาจเขียนแนะนำอาชีพที่สร้างรายได้
อื่นๆ
ถ้าอยากเขียนเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับที่เราชอบเราทำอยู่ล่ะ
อยากเขียนนิยาย นวนิยายลองดูบ้าง คำตอบคือ เขียนได้อยู่แล้ว เพียงเรามีจินตนาการ เราอยากสร้างพระเอกนางเอกแบบไหนเราก็สร้างได้
นั่งเขียนเรื่องที่เราคิดว่าจะเขียนลงในโน้ตดูค่ะ เขียนมาเยอะๆ เลยค่ะ
หลายๆหัวข้อ แล้วค่อยเลือกเรื่องที่น่าจะถนัดและเขียนได้เร็วที่สุดมาก่อนเลย
แล้วเขียนเลยจ้า
2. คนอ่าน ใครคือคนอ่าน
คนอ่านก็จะหาข้อมูล หรือสนใจเรื่องที่เขาอยากรู้ เช่น คนขายส้มตำ
อาจจะอยากรู้สูตรส้มตำรสแซ่บที่หลากหลายเพื่อทำเมนูใหม่ๆ มาคอยบริการลูกค้า คงไม่เข้ามาอ่านวิธีการเขียนเพื่อทำหนังสือ
นอกเสียจากว่าวันหนึ่งแม่ค้าส้มตำ อยากจะแบ่งปันเรื่องราวของเขา หรือขายสูตรอาหาร เขาอาจจะเข้ามาอ่านวิธีการเขียนนี้
อย่าลืมนะคะว่า เรื่องที่เราเขียนได้ดีที่สุด ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการอ่าน และเรื่องที่แย่ที่สุดของเรา อาจเป็นเรื่องหรือสิ่งที่คนอ่านบางคนอยากรู้ก็ได้
ดังนั้น ถ้าอยากเขียน
เขียนเถอะค่ะ อย่ากังวล
ตั้งเป้าหมายกำหนดกลุ่มเลยค่ะ..
ว่าเรื่องที่กำลังเขียนนั้นเขียนเพื่อใคร กลุ่มไหน
เช่นเรื่องการเลี้ยงเด็ก กลุ่มเป้าหมาย ก็คือคุณแม่
คุณครูเนอรสเซอรี่
การเลี้ยงไก่ คือ กลุ่มเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ หรือคนที่อยากทำอาชีพเลี้ยงไก่
แนะนำอาชีพ กลุ่มคนว่างงาน หรือ คนที่ต้องการหารายได้เสริม เป็นต้น
3. เนื้อหาสาระที่คนอ่านอยากอ่าน
แต่ถ้าเราต้องการมีรายได้จากการเขียน
หรืออยากเขียนเพื่อช่วยคน เราต้องนึกเสมอว่าเราจะเขียนคุณค่าให้คนอ่าน เขียนสิ่งที่คนอ่านอยากรู้ และสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนอ่าน
บีบวงแคบของเรื่องที่เขียนลงมาที่การกำหนดประโยชน์
และคุณค่าของเรื่องที่เราเขียนเพื่อคนอ่านให้ได้มากที่สุด ในการเขียนเรื่องแต่ละครั้ง
จะเป็นประโยชน์ต่อเราเองด้วย ตรงที่เรื่องราวจะไม่ออกนอกคุ้งน้ำสู่ทะเล
คุมกรอบแนวคิดอย่าให้ฟุ้งกระจาย เอาทีละประเด็น เจาะทีละประเด็นนะจ๊ะ
อย่าลืมนะคะ 1.เรื่องที่จะเขียน
2.ใครคือคนอ่าน
3. คนอ่านอยากรู้อะไร
ตอนต่อไป "ปมในใจฉันใหญ่เกินจะเขียนมัน"
เราจะแก้ปมที่ทำให้เราเขียนไม่ได้กันนะ
แม่เองก็ไม่เก่งหรอลูก แต่ไม่กลัวที่ทำ ลุย!